คุณหนึ่ง อดีตอาจารย์จากสถาบันการศึกษาแห่งหนึ่ง ตัดสินใจลาออกจากราชการมาร่วมงานกับลูกศิษย์แท้ๆ ของตน โดยเข้าทำงานในบริษัทออกแบบ ตกแต่งภายใน และรับเหมาก่อสร้าง ด้วยความไว้ใจในตัวลูกศิษย์ คิดว่าไม่น่าจะมีปัญหาเรื่องการคดโกงกันได้ ปรากฎว่าทำงานด้วยกันไม่นาน บริษัทประสบปัญหาทางการเงิน เกิดการขาดสภาพคล่อง เป็นเพราะบริหารจัดการผิดพลาด
เมื่อการเงินเข้าขั้นวิกฤต หนักเข้า ลูกศิษย์ที่เป็นเจ้าของบริษัทถึงกับยกมือไหว้ หวังพึ่งพาอาจารย์ที่เคยให้ความรู้แก่ตน ขอความช่วยเหลือจากคนที่ตนเรียกว่าอาจารย์
เมื่อถึงคราวแย่ก็ต้องยกมือไหว้ผู้อื่น หาทางผ่อนหนักผ่อนเบาให้ตัวเองในทุกทาง ด้วยความเป็นอาจารย์ก็นึกรักและสงสารในตัวลูกศิษย์ ยอมรับจ่ายค่าแรงช่าง ค่าวัสดุ ค่าอุปกรณ์ เป็นมูลค่าทั้งหมดหกแสนบาท ฝ่ายลูกศิษย์ก็สัญญาดิบดีว่าจะจ่ายเงินคืนให้อย่างรวดเร็ว โดยอ้างว่าในขณะนั้นตนมีงานที่กำลังทำอยู่ เป็นงานที่มีมูลค่างานสูงถึงสี่ล้านบาท โดยจะจ่ายคืนให้อาจารย์งวดละสองแสน
จ่ายเพียงสามงวดก็หมดหนี้
คุณหนึ่งหลงเชื่อใจในตัวลูกศิษย์ เพราะตัวเองก็ทำงานรับเงินเดือนจากลูกศิษย์มาสองเดือน ปรากฏว่านอกจากจะไม่เคยได้รับเงินคืนแม้แต่บาทเดียว แม้แต่เงินเดือนก็ยังได้รับแค่สองเดือนแรกเท่านั้น โดยตั้งแต่บริษัทขาดสภาพคล่อง ก็ไม่เคยได้รับเงินเดือนจากลูกศิษย์ของตนอีกเลย
ทุกวันนี้พยายามติดตามทวงหนี้อย่างสุภาพ แต่เคยถูกลูกศิษย์โพสต์ข้อความข่มขู่ผ่านเฟซบุ๊ค หลังจากนั้นจึงถูกบล็อคช่องทางติดต่อจนไม่สามารถติดต่อเจ้าตัวได้อีก
สอบถามผ่านทางบิดาที่เป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจก็ไม่มีอะไรเกิดขึ้น ไม่มีอะไรคืบหน้า เพราะไม่ได้ข้องเกี่ยว
สุดท้ายตอนนี้ตนเองถึงขั้นถูกฟ้องร้อง เพราะไม่มีเงินไปชำระหนี้ส่วนตัว ด้วยอีกฝ่ายไม่รักษาคำพูด
เรื่องนี้เป็นอุทาหรณ์แก่เราท่านว่า เรื่องเงินเป็นเรื่องไม่เข้าใครออกใคร เป็นเรื่องไว้ใจกันได้ยาก แม้จะมีความสัมพันธ์ที่ดีต่อกันมาก่อน หรือแม้แต่มีความสัมพันธ์ลึกซึ้ง ใช่ว่าจะเป็นเครื่องการันตีการไม่ถูกโกง ต่อให้เป็นพ่อแม่พี่น้อง บางครั้งก็ยังไม่สามารถไว้ใจกันได้
จะนับประสาอะไรกับอาจารย์กับลูกศิษย์
ถ้าพิจารณาเรื่องนี้ก็พบว่าเป็นเรื่องของตัวลูกศิษย์ที่อาจจะไม่ได้ตั้งใจโกงคุณหนึ่งมาตั้งแต่แรก แต่ด้วยสถานการณ์ผลักพาไปในทางที่ย่ำแย่ บริษัทถึงคราวอับจน ต้องขอความช่วยเหลือ โดยต้องชักแม่น้ำทั้งห้า อวดอ้างว่าตนมีงานมูลค่าสี่ล้านบาท สามารถใช้หนี้หกแสนบาทได้อย่างสบายๆ ด้วยมีความสัมพันธ์ที่ดีต่อกัน คุณหนึ่งก็หลงเชื่อ แบบนี้เขาเรียก “กะล่อนเอาตัวรอด”
ตัดช่องน้อยแต่พอตัว…
เป็นแบบนี้ทุกที เหมือนกันทุกคนไป เวลาจะแย่ พอจะตกที่นั่งลำบากก็อ้างโน่นอ้างนี่ อ้างแม้แต่เรื่องที่ไม่เป็นความจริง อ้างไปถึงเงินในอนาคต
ขออย่าได้เชื่อเงินในอนาคตกันอีกเลย…
เพราะขึ้นชื่อว่าเงินนั้น บางครั้งคิดจะได้ก็ไม่ได้ อยากจะได้เร็วก็กลายเป็นได้ช้า โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ถ้าเป็นเงิน จำนวนมากๆ ด้วยแล้ว ยิ่งได้ยากครับ
ทางที่ดีบอกไม่มีให้ยืมนั่นแหละจบ.